เมื่อ 21 ก.ค.64 ผบ.ทสส./หน.ศปม. มอบหมายให้ พล.อ. สุพจน์ มาลานิยม เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม. เป็นผู้เเทน ตรวจการปฏิบัติการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล | ||
เมื่อ 21 ก.ค.64 ผบ.ทสส./หน.ศปม. มอบหมายให้ พล.อ. สุพจน์ มาลานิยม เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม. เป็นผู้เเทน ตรวจการปฏิบัติการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยอากาศยาน เพื่อตรวจการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่าง ๒๑๐๐ – ๐๔๐๐ ในพื้นที่สูงสุดและเข้มงวด (กรุงเทพฯ ๘๘ จุดตรวจ จังหวัดปริมณฑล ๒๓ จุดตรวจ) ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเหล่าทัพ ได้สนับสนุนศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ดังนี้ การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้กำลังจากกองกำลังป้องกันชายแดน ๘ กองกำลัง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ๓ ทัพเรือภาค โดยได้มีการเพิ่มเติมกำลัง จำนวน ๖ กองร้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองด้านตะวันตก (เมียนมา) ซึ่งสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - ปัจจุบัน มียอดการจับกุม ๕,๘๑๐ คน จับกุมตอนใน ๖๒๒ คน พื้นที่ชายแดน ๑,๗๖๕ คน ผู้นำพา ๓๘ คน การสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์พิเศษต่างๆ ในการตรวจคัดกรองโรคบริเวณแนวชายแดนที่เป็นจุด/ช่องทางผ่านแดนเข้าออกทั้งในพื้นที่ทางบก ทางน้ำ รวมถึงท่าอากาศยานต่างๆ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง) ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) หรือ EOC ท่าอากาศยาน เพื่อบูรณาการ ประสานงาน และบริหารจัดการการเดินทางเข้าประเทศของประชาชนและนำเข้าสถานกักกันโรคแห่งรัฐ (SQ) ตามที่กำหนด การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดเพื่อบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในห้วงเวลานั้นๆ ปัจจุบัน ได้มีการจัดตั้งจุดตรวจเพื่อตรวจการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่าง ๒๑๐๐ – ๐๔๐๐ นาฬิกา ในพื้นที่สูงสุดและเข้มงวด (กทม. ๘๘ จุดตรวจ จังหวัดปริมณฑล ๒๓ จุดตรวจ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓๙ จุดตรวจ) ทั้งนี้ อยู่ระหว่างปรับการจัดตั้งจุดตรวจตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ ๒๘ โดยจะจัดตั้งด่านตรวจเพื่อควบคุมการเคลื่อนเข้าออกจังหวัดสูงสุดและเข้มงวด ๑๓ จังหวัด การจัดชุดตรวจ สายตรวจร่วมและชุดลาดตระเวนร่วมในพื้นที่/กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อตรวจและกวดขันให้ปฏิบัติตาม/มาตรการที่กำหนด รวมทั้งบังคับใช้มาตรการ ห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า ๕ คน และการรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคฯ การควบคุมแคมป์คนงานในกรุงเทพฯ จำนวน ๕๙๓ แคมป์ เพื่อควบคุม/ป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงาน จัดชุดสายตรวจกิจการ/กิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย จำนวน ๘๖๖ ชุด ทำการตรวจสถานประกอบการ/กิจการให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ห้วง ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ – ปัจจุบัน (๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ทำการตรวจ จำนวน ๔,๕๖๖,๐๑๙ แห่ง ปฏิบัติไม่ครบ ๑๑๕,๒๒๕ แห่ง ไม่มีไทยชนะ ๑๑๑,๘๒๙ แห่ง การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกของหน่วยทหาร จำนวน ๒๔ แห่ง ทั่วประเทศ รองรับผู้ป่วยได้ ๔,๙๔๗ เตียง (สีเขียว ๔,๗๖๙ เตียง สีเหลือง ๑๒๐ เตียง สีแดง ๕๘ เตียง) การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพฯ ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ยังคงสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสนามเขตบางขุนเทียน พร้อมทั้งสนับสนุนบุคลากรและเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาเมียนมาให้กับโรงพยาบาลสนามวัฒนา แฟคตอรี่ จังหวัดสมุทรสาคร โรงพยาบาลสนาม (บุษราคัม) ณ อิมแพค เมืองทองธานี การสนับสนุนเจ้าหน้าที่และบุคคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลสนาม ต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข และ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด ๑๙ ศปม. ได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด ๑๙ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง โดยบูรณาการการใช้ยานพาหนะของ กองบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง, ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเหล่าทัพ และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนับสนุนการปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อรับส่งผู้ป่วยที่ยืนยันการติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล นำส่งสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม ที่กำหนด โดยได้จัดยานพาหนะสนับสนุนการปฏิบัติของศูนย์เอราวัณ กรุงเทพฯ ด้วย สรุปยอดการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จนถึงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ มียอดสะสม จำนวน ๑๔,๐๗๗ คน (ศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายฯ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ๑๒,๖๕๓ คน, ศูนย์เอราวัณ ๑,๔๒๔ คน) การสนับสนุนในด้านอื่นๆ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดพลขับรถชีวนิรภัย และรถตรวจวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ พระราชทาน การจัดเจ้าหน้าที่โทรติดตามผู้ติดเชื้อ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจหาเชื้อเชิงรุก การจัดกำลังพลสนับสนุน EOC กรุงเทพฯ และการจัดกำลังสนับสนุนการปฏิบัติของกองอำนวยการร่วม ควบคุมการแพร่ระบาดฯ ในพื้นที่ตลาดคลองเตย การจัดเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ ซึ่งประกอบกำลังจาก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เพื่อสนับสนุน สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ในการโทรติดตามผู้ |